มิลาน – โคโม่ – เวโรน่า – เวนิส – ฟอเรนซ์ – ปิซ่า – ซองเกอร์ แตร์ – โรม
แพลนเที่ยวอิตาลี 9วัน 8คืน เดินทางด้วยตัวเอง #2018
วันแรก @ มิลาน 11°C /0°C (วัน พฤหัสบดี 22 ก.พ. 2561)
เดินทาง จาก สนามบิน Paris Charles de Gaulle Airport -> สนามบิน Milan Malpensa Airport
1. เรานั่งจากปารีส (เราเริ่มจากที่พักเราในปารีสนะคะ) Uber ตั้งแต่ตี4 ไปลงสนามบิน Paris Charles de Gaulle Airport (19€ ประมาณ 740฿)
2. ต่อ EasyJet ไปยังสนามบิน Milan Malpensa Airport (ออก 06.50 ถึง 08.15) + กระเป๋าใบใหญ่ 15 Kg หารครึ่งกับเพื่อน ราคาตั๋ว ไป-กลับ (147.6€ ประมาณ 5,750฿)
ถ้าเริ่มจากประเทศไทย บินมาลงที่มิลานได้เลย แนะนำสายการบินราคาไม่แพงมาก >เช็คเที่ยวบิน< คลิ๊ก >จองตั๋วเครื่องบิน<
เช่น
- สายการบิน Blu Express (กรุงเทพ – มิลาน)
- สายการบิน Egype Air (กรุงเทพ – ไคโร – มิลาน)
- สายการบิน Etihad Airways (กรุงเทพ – อาบูดาบี – มิลาน)
เข้าสู่ เขตตัวเมือง มิลานแล้วค่ะ เริ่มกันเลย!!!
ขั้นแรก เราก็จะไปเอาบัตร Milano Card
- เราซื้อบัตร Milano Card 24h + Malposa Express Single ไว้แล้วออนไลน์ (19.25€ ประมาณ 748฿) เลยไปรับบัตรที่จุดบริการลูกค้า ในสนามบิน (เปิดให้บริการทุกวันและหยุดตามวันหยุดธนาคาร ตั้งแต่ 8.30-24.15 น.)
- Milano Card มีสิทธิพิเศษมากมาย ส่วนลดพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และที่สำคัญใช้ Metro นับจากเวลาที่เริ่มใช้ เราเลือกเป็น24h ต้องใช้ในเขตมิลานเท่านั้น นอกเขตไม่ได้
- Malpensa Express คือ รถไฟ เข้า-ออกAirport
ขั้นสอง เดินทางไปยังที่พัก คือ โรงแรม OstellOlinda /ปล.นั่งรถไฟไป🚆
- นั่งจากสถานี Milan Malpensa Aeroporto T2 – สถานี Milano Nord Bovisa (โดยใช้ Malpensa Express ที่ซื้อมา)
- นั่งต่อจากสถานี Milano Nord Bovisa – สถานี Milano Affori Railway อีก 1 สถานี (โดยใช้ Milano Card)
- OstellOlinda ห่างสถานีรถไฟ 400 เมตร เดินไปประมาณ5นาทีก็ถึงที่พักแล้ว
แผนที่ ระยะทางประมาณนี้นะคะ
ถึงแล้วววววววววววว OstellOlinda มาเก็บกระเป๋า Check-in แล้วเดี๋ยวไปเที่ยวกันต่อ
ขั้นสาม พักผ่อนหนำใจไปเที่ยวกันต่อที่ The Duomo (Milan Cathedral)
- นั่งรถไฟใต้ดิน ไปสถานี Piazza del Duomo (รูปเราเอง ถ่ายตอนเที่ยงๆแสงจะดีมากๆ)
มหาวิหารแห่งเมืองมิลาน (Duomo di Milano) หรือที่หลายคนเรียกว่า วิหารเม่น เพราะตัวอาคารจะมียอดแหลมเต็มไปหมด (เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค)ที่ข้ามผ่านกาลเวลามาหลายยุคสมัย เฉพาะเวลาที่ใช้สร้าง ก็กินเวลาไปถึง 579 ปี แล้วเสร็จในปี 1965 ผ่านช่วงเวลาแห่งปัญหามามากมายนัก เช่น การเมือง สงคราม การเงิน และสถาปนิกคนสำคัญที่มีส่วนในการก่อสร้างมหาวิหารนี้นั่นคือ “ลีโอนาโด ดาวินซี”
- ด้านหน้า เพลิดเพลินกับกิจกรรมดนตรีและกิจกรรมอื่นๆที่มาสร้างบรรยากาศให้ดูสนุกสนาน แต่จะมีคล้ายๆตากล้องมาทำเป็นถ่ายรูปแล้วขายให้เราเลี่ยงๆได้เลี่ยง อย่าไปคุย และคนขายอาหารนก! ระวัง! อาจถูกโดนหลอกให้ซื้ออาหารนกได้5555
- ด้านขวา จะมีทางให้ขึ้นไปด้านบนสุดของวิหาร สามารถซื้อตั๋วได้จากที่นี้
- ด้านบน ด้านบนสุดของวิหาร เป็นจุดชมวิว 360° ห้ามพลาด !! เป็นวิวเมืองที่สวยงามมาก ต้องซื้อตั๋วขึ้นมา มีทั้งแบบบันได (7€ = 273฿ ) และลิฟท์ (13€ = 506฿) เลือกตามความสะดวกเลย จ่ายด้วย Milano Card
- ด้านใน ให้เข้าชมฟรีไม่เสียเงิน ถ่ายรูป ( 2€ = 78฿ )
- รอบด้าน เราสามารถที่จะเดินดูรอบๆได้ หรือถ้าใครจะเข้าไปดูข้างในจะต้องแต่งกายให้เหมาะสม เสื้อต้องคลุมแขน ขา ไม่อย่างนั้นจะไม่อนุญาตให้เข้าไปข้างในได้
ขั้นสี่ มาชมความหรูอลังการ ห้างสรรพสินค้า Galleria Vittorio Emanuele II
Galleria Vittorio Emanuele II (ใช้ Milano Card) ศูนย์การค้าสุดหรูของผู้หลงใหลแฟชั่นและอาหารชั้นเลิศ Galleria Vittorio manueleII ตั้งอยู่ใกล้ๆกับ The Duomo อาคารหลังนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ว่ากันว่าป็นศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในขณะเดียวกัน แบรนด์ดังอย่าง Prada และ Gucci มิลานได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของโลก
ทางเดินในศูนย์การค้าสองฝั่งโดดเด่นด้วยเพดานกระจกครอบอาคารสูงสี่ชั้นและเชื่อมต่อกันด้วยโดมกระจกทรงแปดเหลี่ยม ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสี่ชิ้นเป็นรูปตราประจำเมืองมิลาน ตูริน ฟลอเรนซ์ และโรม ให้คุณลองไปยืนบนตรารูปกระทิงของตูรินแล้วหมุนตัวด้วยส้นเท้า ว่ากันว่าจะนำโชคดีมาให้ ธรรมเนียมท้องถิ่นนี้ได้รับความนิยมมากจนทำให้กระเบื้องโมเสกเป็นรอยหลุมเล็กๆ เลยทีเดียว
เดินทะลุ Duomo รับประทานขนม ร้าน Luini (ลูอินี่) กันค่ะแนะนำมากๆ
ร้านนี้ขาย Panzerrotti (พันเซร็อตติ) ราคาตั้งแต่ 2.5ยูโร ร้านจะยุ่งนิดนึงค่ะเพราะเป็นร้านที่นิยมร้านนึงในเมืองมิลาน แต่คุ้มค่าของความอร่อยแน่นอน
เค้าจะมีแบบคาวกับหวานถ้าแบบคาวแป้งจะนิ่มๆมีใส้ เช่น มะเขือเทศและชีสมอซซะเรลล่า เนื้อนุ่มคล้ายๆ ขนมปังทอด แต่ส่วนตัวไม่ชอบเนื้อแป้งกับใส้ชีสมันแอบเลี่ยน ที่เราชอบคือแบบหวาน แป้งจะกรอบๆรูู้สึกไม่มันแล้วมันคือดีมาก โดยเฉพาะใส้ Pitaschio อยากกลับไปกินอีกจัง ตรงข้าม Luini ก็จะมีร้านขาย Gelato เครป, วาฟเฟิลชื่อ Cioccolatitalian ที่ฮิตมากคนเยอะคิวยาวเลย
ร้านอาหารแนะนำ (เหมาะกับการดินเนอร์มากๆ)
1. Al Cantinone ร้านอาหาร เป็นร้านที่ตกแต่งได้มีเอกลักษณ์ ซ่อนความน่ารัก วินเทจ อดไม่ได้ที่จะอยากนั่งร้านนี้ (Agnello 19)
2. Cucina del Toro ร้านอาหารที่ดูเรียบเก๋ สไตล์อิตาลีราคาอาหารเริ่มตั้งแต่ (12€ = 467฿) (Camperio 15)
3. Trattoria Milaneseร้านอาหารที่เป็นสไตล์เก๋ๆ ให้ความรู้สึกเป้นเมืองมิลานจริงๆ ด้านในจะมีการจัดโต๊ะอาหารที่รายล้อมไปด้วยไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Santa Marta 11)
ขั้นห้า นั่ง Metro ด้วย Milano Card จากหน้า Duome มาที่ Sforzesco Castle & Sempione park
Sforzesco Castle ปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 500 ปีอดีตเคยเป็นป้อมปราการและที่พำนัก ตระกูล Visconti ที่เคยปกครองมิลาน หลังจากคนสุดท้ายของตระกูล Visconti ขณะนี้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ภายในปราสาทคือ Museum of Ancient Art เป็นสถาบันทางวัฒนธรรมที่เป็นที่เก็บผลงานของศิลปินชื่อดัง ไมเคิล แองเจลโล และบริเวณภายในปราสาทยังเต็มไปด้วยผลงานทางศิลปะของศิลปินในยุค Renaissance เช่น Leonardo da Vinci และบริเวณด้านหน้าของปราสาท มีสวน Sempione ขนาดใหญ่ให้คนมิลานได้มาปิคนิคกันในวันว่างๆ หรือวันพักผ่อน
อาหารเย็น ดินเนอร์ร้าน Trattoria Milanese แล้วรีบกลับที่พักก่อนมืดเพราะแถวโรงแรมแอบน่ากลัว!!
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม OstellOlinda คืนละ (55€/2 = 27.5€ ประมาณ 1070฿) เราว่าโรงแรมนี่เหมาะสำหรับคนที่ลุยๆส่วนตัวเราขอไม่กลับมาแล้วดีกว่า5555
วันที่สอง @ โคโม่ 8°C / -3°C(วันศุกร์ 23 ก.พ. 2561)
อาหารเช้า กับโรงแรม OstellOlinda เป็นพวก ขนม/นม/กาแฟ ไม่มีเนื้ออะไรให้ทาน
- เช็คเอ้าท์ 9 โมงเช้า หรือภายใน24 ชม. จากที่ใช้ Milano Card ครั้งแรก
- นั่งMetroจาก สถานี Affori FN ของโรงแรมไป – > สถานี Zara – Garibaldi FS (25 mins) เพื่อที่จะได้ใช้ Milano Card
ขั้นแรก เดินทางไป เมืองโคโม่โดยการนั่งรถไฟ🚆
- ขึ้น รถไฟ Trenitalia จาก สถานี Milano Porta Garibaldi (9:39) -> สถานี Como S. Giovanni(10:38) สามารถซื้อตั๋วออนไลน์ Trenitalia ในเว็บ GoEuro ได้เลยมีหลายแบบ รถไฟเร็ว ช้า ฉึกฉัก เลือกตามสไตล์ได้เลยคะ (9.6 euros/2 = 4.8€ ประมาณ 187฿)
ขั้นสอง เช็คอิน โรงแรม Best Western Hotel Continental Como( Xi, 15 ,Como, Italy ) โรงแรมนี้สะอาด ถูกใช้ได้เลยค่ะ แต่ต้องระวังหน่อยนะคะเพราะทางโรงแรมเล่าให้ฟังว่ามีคนจองผิดเยอะเลย ถ้าจะให้ชัวร์จองผ่านบริษัทตระกูลเฉินแบบเราชัวร์แน่นอน ราคาก็ถูกด้วยค่า
แผนที่
ขั้นสาม เดินทางไปเที่ยว เมืองเบลลาโจ
- เดินจากโรงแรมไปซื้อ Sandwich ชื่อดัง “Tigella Bella“
- เราจะพานั่งเรือจาก เมือง โคโม่ (Como) – เมือง เบลลาโจ (Bellagio) ส่วนตัวจะนั่งเรือเร็วไป สบายและใช้เวลาแค่ 1ช.ม. ก็ถึง หรือจะนั่งเรือธรรมดาก็ได้แต่จะใช้เวลา 2 ช.ม. และนอกจากนี้ก็สามารถนั่ง BUS ได้ด้วยนะคะ
- แต่ถ้ามาจาก มิลาน แนะนำนั่งรถไฟจาก สถานี Milano Centrale – สถานี Varenna ใช้เวลาเดินทาง 1 ช.ม. แล้วนั่งเรือเฟอร์รี่ จาก Varenna – Bellagio (15 นาที)
- ซื้อตั๋วเรือ ต้องซื้อที่จุดขายตั๋วไม่สามารถซื้อออนไลน์ได้ (14.80 = 580฿) แต่ตั๋วมีหลายแบบขึ้นอยู่กับ season นะคะ ตอนแรกเราอยากซื้อตั๋วเรือที่ไปได้ทุกเกาะแต่ season นี่ไม่ใช่ high season เค้าเลยไม่มีตั๋วแบบนี้ค่า
ถึง Bellagio แล้ว
โรงแรม Best Western Hotel Continental Como ( Xi, 15 ,Como, Italy ) ราคาคืนละ ( 26.75€ = 1043฿) ด้วยรถบัส
วันที่สาม @ เวโรน่า 9°C /1°C (วันเสาร์ 24 ก.พ. 2561)
ทาน อาหารเช้า ที่โรงแรมไม่ทันค่ะเพราะรอบรถไฟเช้า
ขั้นแรก สถานี Como S. Giovanni -> สถานี Verona Portauova
- นั่งรถไฟ Trenitalia จาก สถานี Como S. Giovanni -> สถานี Verona Portauova (ออก 7:13 น. ถึง 10:15 น.) (16.25€ = 635฿)
ขั้นสอง เดินทางไปเก็บกระเป๋า โรงแรม Sottoriva36 Hotel
- นั่ง รถบัสเมืองเวโรน่า (City Bus) ไปลง แถว โรงแรม เสียค่าโดยสาร รถบัสเมืองเวโรน่า (City Bus) (1.30€ = 50฿)
ขั้นสาม เดินเล่นเวโรน่าให้ทั่วจะรู้ว่ามีอะไรที่สวยงามมากมาย และก็เป็นเมืองเล็กน่ารักสามารถเดินเที่ยวได้ทุกที่จริงๆ ⇓ ⇓ ⇓
อย่างที่บอกนะคะว่า verona เป้นเมืองเล็กๆสามารถเดินเที่ยวได้ทั่วยิ่งถ้ามีที่พักที่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวมากนักขอแนะนำว่าไม่ต้องซื้อ verona card แค่ซื้อบัตรขึ้น Torre dei Lamlerti 5 ยูโร กับบัตรโดยสารไม่กี่ใบ 1.3 ยูโร (เราใช้ 2 ใบ ไป-กลับ สถานีรถไฟกับโรงแรม) ก็จะคุ้มกว่าค่า
Torre dei Lamberti เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในเวโรน่า สูง 84 เมตร ขึ้นไปชมวิวบนหอคอยได้ด้วยลิฟต์และบันได 245 ขั้น ด้านบนมีระฆังที่ใช้ตีบอกเวลา เตือนเวลามีไฟไหม้ และคอยสอดส่องศัตรู ค่าเข้าชม 5.00€ = 195฿
Casa di Giulietta / Juliet House ถ้าได้เข้าไป จะสังเกตได้จากภายในบริเวณบ้าน บนกำแพงและพื้นที่ใต้ระเบียงอันโด่งดังนั้น กลับเต็มไปด้วยข้อความบอกรักและคำอธิษฐานเกี่ยวกับความรัก อัดแน่นอยู่จนแทบไม่มีที่ว่าง นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า หากได้สัมผัสหน้าอกของรูปปั้นจูเลียตที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านแล้ว จะทำให้มีโชคดีด้านความรัก และกิจกรรมที่ฮิตไม่แพ้กันนั่นก็คือ การขึ้นไปยืนบนระเบียงหินอ่อน จะมีคู่หนุ่มสาวไปจูบแสดงความรักกัน ถึงแม้ใครจะมาคนเดียวเชื่อว่ากลับจากเวโรน่าไปจะได้พบรักแท้ และมาเยือนที่นี้อีกครั้ง
Arena di Verona เป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน ตอนนี้สิ่งปลูกสร้างที่สำคัญที่สุดยังคงหลงเหลือให้เห็นอย่างค่อนข้างสมบูรณ์ คือ The Amphitheatre หรือ The Arena ซึ่งมีขนาดใหญ่ติด 1 ใน 3 ของ Amphitheatre ในอิตาลี Arena ถูกใช้เป็นที่ต่อสู้ของเหล่า Gladiator รวมถึงงานรื่นเริงต่าง ๆ ของเมือง ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงใช้อยู่
แวะทาน Bigoi Verona ขึ้นชื่อของเวโรน่า เป็นสปาเก็ตติ ที่ร้านทำเองสดๆ รสชาติมีความฟินมากกก เส้นเด้งๆ ต้องลองมาชิมกันดูค่ะ เราซื้อเส้นกลับมาด้วย แต่ขอเตือนก่อนนะคะว่าเส้นสดจึงต้องนำไปปรุงอาหารภายในไม่กี่วัน
แถวๆ Bigoi มีร้าน Queen’s chips เป็น French Fries จาก Amsterdam ชิ้นหนากรอบมีซอสให้เลือกเยอะแยะเลย อร่อยมากค่า
Castel San Pietro ปราสาทที่มีความงดงามมาก สามารถขึ้นไปชมวิว ทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้อย่างสวยงามที่ชั้นด้านบน 270 องศา เราต้องเดินไปที่สะพาน Castelvecchio Bridge เดินไปเรื่อยๆ ปราสาทจะอยู่ซ้ายมือ
Gelateria Ballini เป็นร้านไอศกรีมที่อร่อยที่สุดในเวโรน่าก็ว่าได้เพราะคนในพื้นที่แนะนำกัน และมันก็อร่อยมากจริงๆ กินเสร็จก็กลับไปนอน 55555 มันต้องผอมแน่ๆ
ขั้นสี่ กลับเข้าสู่ โรงแรม Sottoriva36 (คืนละ 80€ /2 = 40€ ประมาณ 1552฿)
วันที่สี่ @เวนิส 8°C /1°C (วันอาทิตย์ 25 ก.พ. 2561)
รับประทานอาหารเช้า (ให้บริการตั้งแต่ 8.00-10.00 ริมแม่น้ำ Adige) ที่พักเราจะมีห้องทานข้าวส่วนตัวพร้อมวิว ห้องนี้ host จะเปิดให้ตอนเช้าพร้อมทำอาหารให้เรามากมายที่พักนี้คือดีจริงๆ host ก็น่ารักใจดี เราขอแนะนำเลยค่า
ขั้นแรก เดินทางไป เวนิส โดยรถบัส (Flixbus) 🚍
- เดินทางจาก Verona ไป Porta Nouva โดยรถบัส City Bus (1.30€ = 50฿)
- Verona, Porta Nuova (10:25) ไป เมือง Venice (11:45) โดยรถบัส (Flixbus) (8.9€ = 345฿)
FLIXBUS เป็นรถบัสที่ให้บริการภายในทวีป คล้ายๆรถทัวร์แต่ก็ไม่คล้าย (เอ๊ะ ยังไง555) ให้บริการทุกประเทศ ทุกเมืองในทวีปยุโรป (แต่ก็ต้องเช็คดูให้แน่ใจดีๆ) เช่น ลอนดอน ปารีส เวโรน่า เป็นต้น มีจนถึง Night Bus ก็คือ เวลาที่ได้เดินทางจะเป็นช่วงเย็น บ่ายที่ถึงเย็น หรือช่วงตี1 ตี2 ก็มี ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงก็จะเหนื่อยหน่อยเพราะกว่าจะถึงที่พักกว่าจะนอนก็คงเหนื่อยล้า ต้องดูเวลากันให้ดีๆ
ราคาถูกดีนะคะถ้าไม่ห่วงเรื่องเวลาเดินทางที่นานกว่ารถไฟซื้อรอบไหนก็ต้องตรงเวลานะคะ เพราะเรามาสายเนื่องจาก BUS แถวที่พักไม่ได้จอดให้เราขึ้น (คือขับผ่านไปเลย…งง) เราจึงต้องรอ Bus รอบตอ่ไป เลยไป Flix Bus เลท 1 นาทีเห็นรถขับผ่านเราไปเลยสุดท้ายก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟไปแทน
Venice Pass ค่าบัตรเหมา 2 วัน (30€ = 1164.18฿) รวมรถประจำทาง (include buses) และ เรือเมล์ (water buses) ต้องขออธิบายก่อนว่า บัตร Venice Pass คือ บัตรที่ใช้บนเรือเมล์ รถประจำทาง ต่างๆ สำหรับแทนการจ่ายเงินนั้นเอง แต่ก็จะเหมาะกับคนที่มาเที่ยวเวนิส 2 วันขึ้นไปที่จะมาเพื่อดื่มด่ำและท่องเที่ยวชมเมืองอย่างจริงจัง แบบ City Tour เพราะถ้ามาวันเดียวมันคงไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ก็ต้องดูดีๆว่า เราต้องการเหมากี่วัน (1 วัน ราคา 20 ยูโร / 2 วัน ราคา 30 ยูโร / 3 วัน ราคา 40 ยูโร / 7 วัน ราคา 60 ยูโร )
ขอบเขตของการใช้ตั๋วคือใช้ได้กับเรือเมล์ทั้งเกาะเวนิซรวมถึงไปเกาะต่างๆ ใกล้เคียงอย่างเช่น มูราโน่ บูราโน่ ลิโด้ และสามารถใช้กับรถเมล์ที่จะไป Mestre ได้ บัตรนี้ไม่สามารถใช้ไปสนามบินมาร์โคโปโล
การใช้บัตร
ก็เพียงแค่นำบัตรไปประทับที่เครื่อง Validate ที่ติดตั้งอยู่ที่ทุกท่าเรือ เมื่อประทับบัตรที่หน้าเครื่องจะขึ้นไฟสีเขียวและมีเสียงปี๊บแปลว่าใช้งานได้ หากประทับบัตรแล้วขึ้นไฟสีแดงแปลว่าบัตรมีปัญหาหรือไม่ก็หมดอายุใช้งานบัตรแล้ว การประทับบัตรต้องทำทุกครั้งที่จะขึ้นเรือ การขึ้นเรือโดยไม่มีบัตรหรือไม่ Validte บัตรอาจโดนปรับหากถูกตรวจ
จากนั้น เก็บบัตรผ่านเมืองเวนิสที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของ ACTV เพื่อที่จะใช้กับรถเมล์ ไป MESTRE STAZIONE FS (สถานีรถไฟ)
ขั้นสอง เดินไป โรงแรม AO Hotel Venezia Mestre 🏩
การพักใน venice ถือว่าแพงพอสมควรเราเลยพักที่ venice Mestre ค่ะ เราสามรถนั่ง Bus เข้าไปใน venice ได้แปปเดียวโดยใช้บัตร Venice Pass ของเรานี่เอง สำหรับใครที่ Travel on budget ก็ขอแนะนำให้พักใน Venice Mestre แบบเราค่า
แผนที่ จาก Venice Mestre เข้าไปใน Venice
ขึ้นรถบัสตรงไปยัง สถานี Piazza San Macro : ป้ายรถเมล์ (สาย 2) ที่ไปถึงเมืองเวนิสจะอยู่ทางด้านขวาของสถานีรถไฟ (รถบัสใช้เวลาประมาณ 15 นาทีไปยัง Piazzale Roma)
Piazza San Marco เป็นจัตุรัสเดียวของเวนิสที่มีชื่อว่า Piazza เพราะส่วนที่เหลือนั้นจะเรียกว่า Campo เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ดีที่สุดของเวนิสและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองเวนิสที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารสาธารณะอันงดงาม โดมของมหาวิหารและซุ้มประตูของมหาวิหารซานมาร์โกและหอระฆังเซนต์มาร์คซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเวนิส
จุดเด่นของวิหารคือ Campanile di San Marco ถูกบูรณะขึ้นใหม่เมื่อ ค.ศ. 1912 เมื่อเกิดพังมาโดยไม่คาดคิด หอระฆังของโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากที่สุดแห่งหนึ่งบนจัตุรัสแห่งนี้ สามารถมองเห็นวิวเวนิสได้อย่างน่ามหัศจรรย์
หากมีคิวไม่มากเกินไปต้องไปที่มหาวิหารเซนต์มาร์ค Saint Mark’s Basilica, Venice รวมภาพโมเสคที่สวยงาม ฉูดฉาดที่เรียงรายอยู่ภายในโดมอันยิ่งใหญ่ห้าแห่งนี้
ต่อไปตามป้ายสีเหลืองไปยังสะพาน Rialto เป็นสะพานที่มีตลาดปลาและผักซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเป็นที่น่าสนใจมาก เพราะเต็มไปด้วยสีสัน เสียงและกลิ่นของทะเล
Gelatoteca Suso เป็นร้านไอศกรีมขึ้นชื่อของเวนิส ใครได้มาต้องมาซื้อและถ่ายภาพมุมนี้ 55555 รสชาติอร่อยๆมากๆ ฟินมากใครชอบ white chocolate เราขอแนะนำ Hot white chocolate เข้มข้นมาก ดื่มตอนอากาศเย็นๆ ฟินเลย อร่อยจนเราต้องกลับมากิน 3 รอบเลยค่า
ต้องบอกก่อนว่า เจลาโต้ หรือไอศครีมชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลีค่ะ ที่อิตาลีเราจะเห็นร้านที่ลงท้ายด้วย gelato, gelatoni, gelatini หลายร้านเพราะทุกคำก็มีความหมายที่แปลว่าไอศครีม ไอศครีมแบบเจลาโต้จะเป็นไอศครีมที่มีความหนืดกว่าและละลายช้ากว่าไอศครีมบ้านเราที่คุ้นเคยกันดี ที่สำคัญเลือกรสไหนหรือแวะร้านไหนในโรมก็อร่อยไปหมด แทบเผลอใจทำเอวหายไปในอิตาลีเพราะเจลาโต้นี่เลย
Gallerie dell’Accademia ตั้งอยู่ใกล้สะพาน Ponte dell’ Accademia เป็นหอศิลป์แห่งกรุงเวนิสที่ได้ทิ้งร่องรอยแห่งการพัฒนาศิลปะเวนิสตั้งแต่ในศตวรรษที่ 14 ถึง 18 ผ่านผลงานทางศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมาย เป็นงานที่มีสีสันสดใส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์แห่งความเย้ายวนใจอันเก่าแก่ของเมืองเวนิสเป็นต้นตำหรับแห่งสีสันและละคร
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม AO Hotel Venezia Mestre (คืนละ 78.86€/2 = 39.43€ สำหรับ 2 คืน + 7€ สำหรับอาหารเช้า 2 วัน ประมาณ 1803.24฿/1คน)
วันที่ห้า @เวนิส 7°C /0°C (วันจันทร์ 26 ก.พ. 2561)
วันนี้เราจะมาเที่ยวเกาะรอบๆเวนิสกันค่ะ
- นั่งรถบัสมาสถานี Piazza San Macro station เดินไปบริเวณสะพาน Riato Bridge
- เริ่มจากสะพาน the Rialto bridge เดินจาก the Grand Canal (หลังสะพาน) ไม่นานก็จะเจอ เรือเฟอร์รี่ และเราก็ไม่พลาดที่จะต้องนั่งเรือ vaporettos เพราะการขนส่งในเวนิสส่วนใหญ่จะเป็นเรือ จะเดินทางขนส่งทั่วเมืองเวนิส เรือเฟอร์รี่ที่จะไปคือ เฟอร์รี่ 12 The Burano ferry จะหยุด 3 จุดและวนมากลับมาที่เดิม จุดที่ 1 Murano จุดที่ 2 Burano จากนั้นวนกลับไปที่ จุดที่ 3 Venice เฟอร์รี่จะมีรอบทุกๆ 20 น.
Murano เยี่ยมพิพิธภัณฑ์แก้ว เป็นของชำร่วย หรือสิ่งของต่างๆที่ทำจากแก้ว เช่นพวงกุญแจ โมเดลต่างๆ ที่ซ่อนความสวยงาม หลากสีสันที่ถูกออกแบบลวดลายไว้อย่างดี เช่น ผลงานของทีม Schiavon Art Team
หลังจากนั้นเราก็เดินไปขึ้นเรือจาก Murano ไป Burano ค่ะ
ลงจากท่าเรือแล้วก็จะเจอร้าน Fritto Misto ค่า คืออาหารทะเลทอด ความพิเศษอยู่ที่ถาดที่ทานได้ด้วย รถชาติเหมือน Biscuit เลย ส่วนอาหารทะเลสดดีค่ะ รวมๆแล้วถูกและดีมาก ถือว่าไม่ต้องไปทานร้านหรูใน Venice ก็อร่อยได้!
Burano เป็นเกาะเล็กๆที่สวยงามทางตอนเหนือของทะเลสาบเวนิส มีชื่อเสียงในด้านการทำลูกไม้และสำหรับบ้านชาวประมงที่มีสีสันสดใส เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับช่างภาพ จุดเด่นที่จะสังเกตเห็นคือ ล้านจะมีลักษณะเป็นกล่องๆ สีสันสดใส ทำให้เค้าเรียกเกาะนี้กันว่า เกาะลูกกวาด
ส่วนเราก็ไม่พลาดที่จะซื้อของฝาก ด้านอาหาร แนะนำให้ซื้อใน Shop ที่คน Locals เค้าซื้อกันนะคะจะถูกกว่า
Galuppi ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเกาะ Burano เรียงรายไปด้วยร้านขนมและของที่ระลึก บาร์และร้านอาหาร หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนและเพลิดเพลินกับแสงแดดคุณสามารถเพลิดเพลินกับความเงียบสงบและความงามของคลอง
กลับเข้าสู่ โรงแรม AO Hotel Venezia Mestre
วันทีหก @เวนิส , ฟลอเรนซ์ (วันอังคาร 27 ก.พ. 2561)
- เดินทางจาก สถานี Venice Mestre (9:35) ไป สถานี Piazzale Montelungo, Firenze (13:05) ทางตรงของ Flixbus (12.9€ = 500.59฿) (ได้ส่วนลด 5€)
- เดินไปที่โรงแรม Rex Florence เพื่อนำกระป๋าไปเก็บ
Gelato Carabé (Carabè, Via Ricasoli) Or La Strega Nocciola แวะซื้อไอศกรีมก่อนเดินเล่นในเมือง Florence
ทานอาหารเที่ยง Pizza in Florence
Gelato Gelateria dei Neri แวะทานไอศกรีมอีกแล้ว ชอบ อร่อยยยยยยยยยย คนขายหรือไอศกรีม
Galleria dell’Accademia เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟลอเรนซ์ เป็นสถานที่เก็บรวบรวมต้นฉบับของผลงานศิลปะชื่อดังมากมายของเมืองฟลอเรนซ์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ส่วนมากคือประติมากรรมหินอ่อนขนาดยักษ์ที่สร้างขึ้นโดย Michelangelo และ David อันรุ่งโรจน์ นอกจากนั้นหากสำรวจโดยทั่วพิพิธภัณฑ์ Galleria dell’Accademia ก็มีหลายอย่างที่น่าสนใจนำเสนออยู่ภายในทั้งในเรื่องของพฤกษศาสตร์ดนตรี สัญลักษณ์ศิลปะและเทคนิคการวาดภาพ
Cathedral of Santa Maria del Fiore and Piazza Duomo วิหาร “เซนต์แมรีแห่งบุปผา” และโดมที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของฟลอเรนซ์ เป็นที่รู้จักกันในนาม ดูโอโม และมีโดมอันงดงามและใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุดทางด้านสถาปัตยกรรมของยุคเรอเนสซองส์ มีบันได 463 ขั้นไม่มีลิฟต์ บนจุดสูงสุดเป็นจุดศูนย์กลางเมืองฟลอเรนซ์ เป็นวิหารที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส Piazza del Duomo อันเป็นศูนย์กลางของเมืองฟลอเรนซ์จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือโดมสีส้มขนาดใหญ่และโครงสร้างภายนอกอาคารที่เป็นหินอ่อนสีขาว แต่งด้วยหินสีเขียวและชมพูที่ได้รับการตกแต่งด้วยหินแกะสลัก
The San Lorenzo ร้านค้าปลีกริมถนนมากมายและร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าเครื่องหนัง Mercato Nuovo อันสวยงามซึ่งทำหน้าที่เป็นตลาดกลางแจ้งตั้งแต่ยุค Renaissance กระเป๋าเข็มขัดและสินค้าเครื่องหนังอื่น ๆ แต่เราขอแนะนำให้ซื้อสินค้าที่นี่ให้น้อยที่สุด
Ponte Vecchio (สะพานเวคคิโอ) เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์ สะพานแห่งนี้นั้นเดิมทีถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อใช้เป็นทางสัญจรในการข้ามแม่น้ำอาร์โน ลักษณะของสะพานเป็นสะพานที่โค้ง 3 อันคร่อมแม่น้ำอาร์โน ภายในสะพานประกอบไปด้วยร้านค้าสีเหลืองสดใสและมีหน้าต่างรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ ภาพของอาคารสะท้อนบนผิวแม่น้ำนั้นเป็นอีกหนึ่งในภาพที่จัดได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเมืองฟลอเรนซ์
Da Nerbone มีธุรกิจตั้งแต่ 1872 สำหรับอาหารกลางวันที่ราคาไม่แพง ใน The Mercato Centrale หรือจะเป็นร้าน Caffé Gilli สำหรับกาแฟและขนมอบสุดคลาสสิก ด้วยราคาที่เหมาะๆ
แถวโรงแรมมีร้านอาหารอยู่เยอะแยะมากมาย เลยกลับมาทานข้าวเย็นแถวโรงแรมก่อน กลับเข้าสู่ โรงแรม Rex Florence Via delle (Ruote 52, 50129 Florence, Italy) (€ 45.90/2 = € 22.95 ประมาณ 891.73฿ รวมอาหารเช้า)
วันที่เจ็ด @ฟอเรนซ์ , ปิซ่า ,ซองเกอร์ แตร (วันพุธ 28 ก.พ. 2561)
อาหารเช้า ณ โรงแรม Rex Florence Via delle อาหารส่วนมากจะเป็น ขนมปัง แฮม โยเกิร์ต กราโนล่า
- เดินไปขึ้นรถบัส ที่ป้าย Piazza Monte Lungo Florence
- เริ่มจาก Piazza Monte Lungo Florence (09:00) to Pisa (10:35) (จอดรถที่ Pietrasantina ) เดินทางยาวไปเลยถึง Pisa โดย Flixbus ( 2.9€ = 112.68฿ )
- นั่งรถบัสไป Leaning Tower
Leaning Tower หอเอนเมืองปิซ่า เป็นหอระฆังสูงใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ซึ่งตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo เมืองปิซา เป็นหอระฆังที่สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่ความเอนเอียงของหอระฆังซึ่งยอดของหอระฆังนั้นห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นไปประมาณ 3.9 เมตร
The Baptistery of St. John เป็นมหาวิหารที่สวยงามและเก่าแกของฟลอเรนซ์ อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าของวิหาร Santa Maria del Fiore ชาวคาทอลิกทุกคนในเมืองฟลอเรนซ์นั้นล้วนแล้วแต่เข้าพิธีรับศีลจุ่มภายในประตูนี้ทั้งสิ้น ปัจจุบันนี้นั้นในทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนก็ยังคงมีเด็กเล็กๆ ที่อาจได้เข้ามารับศีลล้างบาป แต่เนื่องจากพื้นที่ที่จำกัดและเวลาที่จำกัดทำให้ไม่สามารถจะเข้ารับทำพิธีได้หมด
The Baptistery เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของนักเรียน นักศึกษาเลย เพราะยิ่งถ้าเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี และเดินรอบ The Baptistery จะทำให้ไม่ได้รับปริญญา ตามตำนานที่เล่าขานกันมา…
- ระหว่างทางกลับจากทาวเวอร์ไปยังสถานีรถไฟปิซาคุณสามารถนั่งรถบัสเดียวกันจากอีกฟากหนึ่งของถนนไปยัง Pisa Centrale
- จาก Pisa Centrale (13:24) ไปยัง โรงแรม Riomaggiore (15.23) โดยรถไฟ Trenitarail (26 min) ต่อรถที่ La Spezia Centrale (8.6€ = 335.35฿)
Check in โรงแรม Sailors Rest Riomaggiore – Cinque Terre ของหมู่บ้าน Riomaggiore เป็นหมู่บ้านที่สวยติดอันดับแต่จะถ่ายรูปให้สวยต้องถ่ายจากเรือแล้วมองกลับมาครับ ถ้าตัวหมู่บ้านเองถ่ายไม่ค่อยแจ่ม ค่าห้องพักคืนละ (€ 79.20/2 = €39.6 ประมาณ 1544.16฿ รวมอาหารเช้า)
The hiking trail Via dell’ Amore (Lovers’ lane) เป็นเส้นทางการเดินทาง ที่มีชื่อเสียง และโรแมนติกที่สุด ในเมือง Cinque Terre เชื่อมต่อกับหมู่บ้านอันงดงามของ Riomaggiore และ Manarola และมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น Via dell’Amore ของ Sentiero Azzurro (ทางสีน้ำเงิน) ซึ่งใช้เป็นทางเดินสำหรับคนที่เดินทางจาก Riomaggiore ไปยัง Monterosso หรือ เดินไป Monterosso และนั่งรถไฟกลับ (แต่ตอนนี้ปิดอยู่นะคะ)
คืนนี้เราก็เอาเส้น สปาเกตติ ที่ซือ้มาจากร้าน Bigoi Verona และเครื่องปรุงต่างๆที่ซื้อมาจาก Supermarket แถวที่พักมาทำอาหารค่ำทานกันเองค่ะ มีครัวทั้งทีก็ต้องใช้ให้คุ้มหน่อย
วันที่แปด @ซองเกอร์ แตร , โรม (วันพฤหัสบดี 1 มี.ค. 2561)
รับประทานอาหารเช้า ที่ the BAR CENTRALE ( ที่รวมอยู่ในค่าที่พักของเรา ) ไม่ไกลจากห้องนอนของเรามากนัก ถึงที่พักจะสวยแลพใหญ่แต่อาหารเช้าที่แถมให้เป็นแค่ Bakery กับเครื่องดื่มเราเลยต้องกลับไปทำอาหารเช้าทานกับเพื่อนที่ห้องพักค่ะ
- เดินเล่นรอบๆหมู่บ้าน Riomaggoire และเดินทางไป Roma Termini
- โดยนั่งรถไฟ Trenitarail จาก Riomaggoire (09:45) – Roma Termin (15:48) แต่ต้องต่อรถที่ La Spezia Centrale และต่อที่ Pisa Centrale จึงจะถึง Roma Termin (29.65€ = 1156.17฿)
Check in โรงแรม Hotel Fellini เดินเล่นรอบๆโรงแรม
Trevi Fountain (น้ำพุ เทรวี่) เราก็ไปต่อกันใกล้ๆ ที่ น้ำพุเทรวี่ ที่มีคนบอกว่า ถ้าไปถึงน้ำพุแห่งนี้แล้วให้ยืนหันหลังแล้วโยนเหรียญข้ามศีรษะไปพร้อมอธิษฐาน จะได้กลับมายังน้ำพุที่แสนสวยงามแห่งนี้อีก น้ำพุเทรวี่ เป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง “Three Coins in the Fountain” ส่วนกลางของน้ำพุ ออกแบบเป็นรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพที่แข็งแรง และความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักร เป็นสถานที่ที่มีคนแน่นขนัดตลอดเวลา ต้องระวังกระเป๋าและทรัพย์สินมีค่ากันดีๆ นะ!
เดินลงมาเรื่อยๆจะเจอ The Piazza Colonna จะอยู่แถวๆ Marcus Aurelius ถัดจาก 2 ถนนไปเลี้ยวซ้ายจะเจอ The Via delle Muratte มุ่งหน้าสู่ The Capitoline Hill
The Capitoline Hill เป็นเนินเขาที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเนินเขาทั้งเจ็ดแห่งที่กรุงโรมตั้งขึ้น นับตั้งแต่มีเมืองโบราณมันได้กลายเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางการเมืองและศาสนาของกรุงโรม จุดเด่นที่สุดของเนินเขาแห่งนี้คือรายล้อมไปด้วยจตุรัสที่สำคัญของโรมที่ได่รับการออกแบบโดย Michaelangelo อย่าพลาดชมรูปปั้นที่อยู่บริเวณด้านนอกพิพิธภัณฑ์
Colosseum หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก โคลอสเซียม สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ อายุกว่าสองพันปีที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใช้นักโทษชาวยิวกว่าหมื่นคนมาสร้างเป็นเวลากว่า 10 ปี ว่ากันว่า ถ้าอยากรู้ว่าอาณาจักรโรมันโบราณยิ่งใหญ่เพียงใด ต้องมาชมที่สถานที่แห่งนี้ โคลอสเซียมนั้นเป็นสนามกีฬาที่เปิดให้ชาวโรมันได้เข้าชมสัตว์ป่าต่อสู้กัน รวมถึงคนต่อสู้กับสัตว์ป่า เช่น เปิดให้คนสู้กับสิงโต หรือหมูป่าดุร้าย เมื่อคนต่อสู้สัตว์ร้ายได้จะถือว่าคนนั้นเป็นผู้ชนะและจุดเด่นของโคลอสเซียมนั้น ยังมีไว้เพื่อนชมการแข่งขันของการต่อสู้ระหว่างคนกับคน หรือที่เรียกกันว่า กลาดิเอเตอร์
Roman Forum หรือที่ชาวอิตาลีเรียกว่า Foro Romano ซากแห่งวัฒนธรรมและความเจริญในอดีต ตั้งอยู่ที่เนิน Palatine และ Capitoline ในบริเวณนี้มีซากโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายหลาย ที่โดดเด่นและยังคงสภาพเดิมอยู่ได้แก่ ตึก Comitium เทวสถาน Temple of Antoninus and Faustina และ Arch of Septimius Severus
Trastevere ไปถึงโรม ถ้าไม่ได้ไปดินเนอร์สุดโรแมนซ์ที่ตราสเตเวเร ก็เหมือนกับไม่ได้ไป สถานที่สุดเก๋เลียบแม่น้ำไทเบอร์ มีทั้งผับ ร้านอาหาร ตลาดนัดเล็กๆ ชิกชิลล์ ให้เยี่ยมชม เมนูแนะนำ เช่น เมนูพิซซ่าและพาสต้าที่อร่อยล้ำ รวมทั้งไวน์ลิสต์ ที่ทำให้โลกนี้เปลี่ยนไปเป็นสีชมพู หรือจะจบที่ไอศกรีม Gelato ก็ได้อร่อย
กลับเข้าสู่โรงแรม Hotel Fellini (คืนละ € 53/2 = €26.5 ประมาณ 1033.34฿)
วันที่เก้า @โรม (วันศุกร์ 2 มี.ค. 2561)
เดินเล่นรอบๆโรงแรมก็ไปถึงบริเวณ St. Peter’s Square & St. Peter’s Basilica คนเยอะมากๆต้องต่อคิวเข้าไปเพื่อจะได้เข้าไปถ่ยรูปเล่น
St. Peter’s Square เป็นลานวงกลมขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันอันงดงามที่ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของนครรัฐวาติกัน ในกรุงโรม อย่าง มหาวิหาร St. Peter’s Basilica ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
St. Peter’s Basilica แต่ละวันนั้นมีนักท่องเที่ยวต้องต่อคิวเพื่อเข้าชมภายในมหาวิหารนักบุญเปโตรเป็นจำนวนมากในบริเวณของจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งความสวยงามและยิ่งใหญ่ของบริเวณโดยรอบของจัตุรัสแห่งนี้นั้นเองที่ช่วยให้การต่อคิวเข้าชมภายในมหาวิหารไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ เพราะสามารถเที่ยวชมและถ่ายรูปสวยๆ รอบๆ จัตุรัสรอได้
The Vatican Museums เป็นพิพิธภัณฑ์ทางด้านศาสนาและศิลปะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในรัฐวาติกัน แห่งกรุงโรม ถ้าโชคดีจะไม่ได้รอนาน 5555 เพราะคนเยอะมาก ที่นี่คือสถานที่ที่เก็บรวบรวมผลงานทางศิลปะของศาสนจักรคาทอลิกที่มีอายุหลายร้อยปีไว้ให้ชม ไฮไลท์ของผลงานชิ้นเอกของศิลปินระดับโลกหลายท่าน เช่น Michelangelo และ Raphael แถมภายในยังได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามตั้งแต่พื้นยันเพดานกันเลยทีเดียว ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของคนมาเที่ยวกรุงโรม โดยผลงานที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์นั้นมีมากกว่า 70,000 ชิ้นเลยทีเดียว
Castel Sant’Angelo เป็นปราสาททรงกระบอกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่สูงที่สุดในกรุงโรม ตั้งอยู่ใน Parco Adriano ของกรุงโรมประเทศอิตาลี ที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิแห่งโรมันเฮเดรียน สำหรับใช้เป็นสุสานสำหรับเขาและครอบครัว ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาเป็นป้อมปราการโดยพระสันตะปาปา กรมทหาร ที่คุมขังนักโทษ และสุดท้ายเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เช่นในปัจจุบัน
Ponte Sant’Angelo สะพานเก่าแก่ของโรมันที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 134 โดยจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งโรมัน เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Tiber ที่ใช้เชื่อมต่อจากปราสาทใจกลางเมืองไปยัง สุสานแห่งเฮเดรียน ปราสาทที่สูงตระหง่านที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของจักรพรรดิเฮเดรียนและครอบครัว
- จากนั้น ข้ามสะพานและเดินไปตามป้าย Piazza Navona and ThePantheon สามารถแวะไปเยี่ยมชมได้
- Check-out ออกจากโรงแรม Fellini 10:00 น. เดินทางไปยัง Roma Termini
- ถึง Roma Termini 11:10 น. ไปที่ Milano Centrale โดย Italo (€ 37.90 = 1477.87฿)
Italo คือรถไฟความเร็วสูงในอิตาลี เป็นรถไฟเอกชนเจ้าใหม่คล้ายๆ trenitalia แต่รถจะวิ่งเฉพาะเส้นเมืองใหญ่ คือ Milan, Venice, Bologna, Florence, Rome, Naples นั้นเองค่ะ
- รถบัสจาก Milano Centrale ไป Milan Malpensa Airport (€ 8 = 311.95฿)
- เดินทางกลับปารีส Milan Malpensa ไป Paris Charles de Gaulle
- Flight EZY2791 ออก 21:15, ถึง 22:45
Budget Italy
***Budget ที่แสดงให้ดูจะไม่รวมสถานที่ /พิพิธภัณฑ์ที่เข้าชมฟรี และอาหารนะคะ***
คลิ๊ก โหลดไฟล์ PDF เพื่อดู Budget ไป ITALY
ในโพสต์นี้เราได้ให้ trick การท่องเที่ยว Italy ในราคาถูกมาหลายอย่างเลยแต่ยังไม่หมดเท่านี้นะคะเพราะเรายังมี trick สุดท้ายที่ช่วยเราได้มากๆ คือการจองตั๋วเครื่องบิน รถไฟ ที่พักทั้งหมด ผ่าน บริษัทตระกูลเฉินค่ะ เพราะเค้าเป็นบริษัททัวร์ที่เป็นมืออาชีพและไว้ใจได้ เปิดมามากกว่า 20 ปีแล้ว ทำให้การจองทริปนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ แค่ chat รายละเอียด ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถไฟ บัตรเข้าต่างๆ ที่ LINE ของบริษัท (หรือถ้าเพื่อนๆอยากเที่ยวแบบเราก็ส่ง LINK โพสต์นี้ ไปให้ทางบริษัทได้เลยนะคะ) เค้าก็จองให้หมด แล้วเราก็จ่ายเงินครั้งเดียวจบ แทนที่จะต้องไปนั่ง Bookแยกเองเป็นวันๆแถมยังกลัวจองผิดอีก