Month: March 2020

สำหรับหนังสือเดินทางไทยเที่ยวไกลไปต่างแดน

วันนี้เราก็มีข้อมูลและสาระดีๆมาฝากเพื่อนๆ อีกเช่นเคย เกี่ยวกับหนังสือเดินทางประเทศไทยที่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า และประเทศที่สามารถเดินทางไปได้แต่ต้องขอวีซ่าก่อน

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 14วัน มี 5 ประเทศ

1. บาร์เรน
2. บรูไน
3. กัมพูชา
4. เมียนมา (เฉพาะท่าอากาศยานนานาชาติ)
5. ไต้หวัน (เฉพาะ 1ส.ค.62 – 31ก.ค.63)

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 15วัน มี 1ประเทศ

1. ญี่ปุ่น

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 30วัน มี 17ประเทศ

1. มณฑลไห่หนาน
2. ฮ่องกง
3. อินโดนีเซีย
4. ลาว
5. มาเก๊า
6. มองโกเลีย
7. มาเลเซีย
8. มัลดีฟส์
9. กาตาร์
10. รัสเซีย
11. เซเชลส์
12. สิงคโปร์
13. แอฟริกาใต้
14. ตุรกี
15. วานูอาตู
16. เวียดนาม
17. คาซัคสถาน

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 90วัน มี 6ประเทศ

1. อาร์เจนตินา
2. บราซิล
3. ชิลี
4. เอกวาดอร์
5. สาธารณรัฐเกาหลี
6. เปรู

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 180วัน มี 1ประเทศ

1. ปานามา

หนังสือเดินทางไทยที่สามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 365วัน มี 1ประเทศ

1. จอร์เจีย

นี่ก็คือข้อมูลประเทศที่คนไทยสามารถเดินทางไปได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนประเทศที่เราจะต้องขอวีซ่า มีประเทศอะไรบ้างตามมาดูกันเลยค่ะ

หนังสือเดินทางไทย สามารถขอ Visa on Arrival  พร้อมอัตราค่าธรรมเนียม

1. โบลิเวีย           พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน       135 เหรียญสหรัฐ  (เฉพาะวีซ่าประเภทท่องเที่ยว)
2. ฟิจิ                  พำนักได้ไม่เกิน 4 เดือน       ไม่มีค่าธรรมเนียม
3. จอร์แดน          พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน         40 ดีนาร์จอร์แดน
4. คีร์กีซสถาน   พำนักได้ไม่เกิน  15 วัน/1 เดือน   50 เหรียญสหรัฐ/ 60เหรียญสหรัฐ                                                                                      (สำหรับหนังสือเดินทางธรรมดา)
5. เนปาล           พำนักได้ไม่เกิน 15 วัน         25 เหรียญสหรัฐ                                                                               ”           30 วัน          40 เหรียญสหรัฐ                                                                               ”           90 วัน          100 เหรียญสหรัฐ
6. นีอูเอ            พำนักได้ไม่เกิน  30 วัน         ไม่มีค่าธรรมเนียม
7. โอมาน          พำนักได้ไม่เกิน  30 วัน         20 เรียลโอมาน
8. ติมอร์-เลสเต  พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน         30 เหรียญสหรัฐ
9. หมู่เกาะโซโลมอน พำนักได้ไม่เกิน  3 เดือน  ไม่มีค่าธรรมเนียม

การเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ต้องขอวีซ่า นักเดินทางทั้งหลายควรเตรียมตัวขอวีซ่า ก่อนวันเดินทาง อย่างน้อย 30 วัน เหตุผลเพราะ โดยส่วนใหญ่แล้ว แต่ละสถานทูตจะใช้เวลา พิจารณาวีซ่าอย่างน้อย 15 วันทำการ (ไม่นับเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดต่างๆ)

วีซ่า คือเอกสารรับรองประกอบหนังสือเดินทางที่ประเทศต่าง ๆ ออกให้แก่ผู้เดินทาง เพื่อใช้เข้าพำนักภายในเขตแดนของประเทศนั้น ๆ ในช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยผู้เดินทางจำเป็นต้องแสดงวีซ่าที่ได้รับที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทาง วีซ่าของแต่ละประเทศที่ออกให้ผู้เดินทางมีหลายรูปแบบ จะแบ่งตามประเภท วีซ่าเพื่อการท่องเที่ยว วีซ่าเพื่อการทำงาน วีซ่าเพื่อการศึกษา รวมไปถึงการเดินทางต่อเครื่องบินไปยังประเทศที่ 3

เอกสารประกอบการพิจารณา

•  หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง อายุใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
•  แบบฟอร์มวีซ่าที่กรอกข้อความสมบูรณ์
•  รูปถ่ายขนาด 2 ½ นิ้ว จำนวน 2 รูป (ถ่ายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน /ไม่สวมหมวก และ
• แว่นตาดำ) หลักฐานที่แสดงว่าจะเดินทางออกจากประเทศไทยหลังจากสิ้นสุดการท่องเที่ยว
  เช่น บัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ หรือที่จะเดินทางไปยังประเทศที่สาม
• เอกสารจากบริษัทท่องเที่ยว (กรณีที่เดินทางมากับบริษัททัวร์)
• ทั้งนี้ อาจขอให้แสดงเอกสารเพิ่มเติมหรือสัมภาษณ์ผู้ขอรับการตรวจลงตราด้วย

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับข้อมูล หนังสือเดินทางไทยที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้  เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปเที่ยว หรือทำงาน

 

วันสบายๆกับวันเดย์ทริปในนครย่างกุ้ง

ทริปสบายๆกับสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ไหว้พระ5วัดดังในพม่าวันเดียวก็ไปกลับได้
สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์ในการเดินทางเพียงหนึ่งวัน หลายคนอาจจะตกใจว่าไปกลับจะเหนื่อยไหม สำหรับเราว่าไม่เหนื่อยนะคะพอถึงก็เดินทางสายบุญกันเลยทีเดียวจะขอบอกว่าสนุกมากค่ะกับการทำบุญในวันเดียวและมีความสุขมากเลยขอมาเปิดแชร์หรือแนะนำวัดดังในวันเดียวของประเทศพม่า

วัดแรกก็จะบอกว่าไม่ควรพลาดเลยทีเดียวค่ะนั้นคือพระมหาเจดีย์ชเวดากองตามตำนานเจดีย์ชเวดากองนั้นสร้างเมื่อ2,500ปีที่แล้วแต่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่6-10โดยชาวมอญามตำนานนั้นกล่าวว่ามีพี่น้องพ่อค้า2คนคือตปุสสะและภัลลิกะจากตอนเหนือของเนินเขาสิงคุตระได้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าพระองค์จึงประทานพระเกศาให้พ่อค้าทั้งสองมา8เส้นพ่อค้าทั้งสองกลับมายังพม่าและได้ความช่วยเหลือจาก ผู้ปกครองท้องถิ่น พระราชาโอะกะลาปะ ในการประดิษฐานพระเกศาธาตุบริเวณเนินเขาสิงคุตระองค์เจดีย์ได้ถูกทิ้งร้างทรุดโทรมจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่14พระยาอู่ค.ศ.1323-1384ได้ทรงบูรณะเจดีย์ให้มีความสูง18เมตรศตวรรษต่อมาพระนางเชงสอบค.ศ.1453-1472ได้ทรงบูรณะเจดีย์ให้มีความสูงถึง40เมตรได้ทำการปรับเปลี่ยนเนินซึ่งเป็นที่ตั้งขององค์เจดีย์ให้เป็นฐานเจดีย์ลาดเป็นชั้นๆแบบขั้นบันไดและปูพื้นด้านบนของฐานด้วยแผ่นหินพระนางรับสั่งให้มีการบำรุงรักษาองค์เจดีย์ต่อไปแก่พระเจ้าธรรมเจดีย์ซึ่งครองราชสมบัติต่อหลังพระนางสละราชสมบัติ ในช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพพระนางทรงประชวรและมีพระบัญชาให้วางแท่นบรรทมในจุดที่พระองค์สามารถมองเห็นเจดีย์ได้ทุกเวลามีการจารึกภาษามอญบันทึกการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์ที่เริ่มต้นในปีค.ศ.1436จนบูรณะเสร็จสิ้นในรัชสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่16ต่อมาเจดีย์ชเวดากองได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญของพุทธศาสนิกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในพม่า

วัดที่สองก็สง่างดงามมากค่ะ วัดเชาะทะจี้หรือคนไทยรู้จักในนามว่าพระนอนตาหวานเป็นวัดในพุทธศาสนาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในที่สุดตั้งอยู่ในย่านใกล้เคียงกับที่รู้จักกันดีในรูปแบบของศาสนาฮินดูพระนอนที่มีอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่าพระมหากษัตริย์มีความยาวกว่า66เมตรและเป็นหนึ่งในพระนอนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า ผู้ที่ได้รับการยกย่องจากชาวพุทธพม่ามีความอุดมสมบูรณ์ในปีพ.ศ.2442และเสร็จสมบูรณ์ในปีพ.ศ.2450โดยพระอรหันต์ได้รับแนวรับจากสภาพอากาศและผู้ดูแลการสร้างองค์ใหม่ภายใต้การดูแลของอู้ตอง

วัดที่สามเราได้ไปนมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่องาทัตจี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์สูงเท่ากับตึก5ชั้น ชาวพม่าและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นิยมมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่องาทัตจี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

จากนั้นมุ่งตรงไปนมัสการพระนัตโบโบยีหรือเทพทันใจ ณ เจดีย์โบตาทาว์น ภายในเจดีย์แห่งนี้มีเทพทันใจคอยคุ้มครองเชื่อว่าถ้ากระซิบขออะไรแล้วจะสมหวังเป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่าให้การสักการะและนับถือเป็นอย่างมาก รวมไปถึงคนไทยเองก็ยังให้ความเคารพนับถือด้วย นักท่องเที่ยวนิยมไปกราบขอพรมากที่สุด
พาท่านนมัสการที่ เทพทันใจแล้ว ก็ต้องมากระซิบบอกเทพ เพื่อเป็นสิริมงคล และเสริมบุญบารมีให้กับตัวเองที่ เทพกระซิบอยู่ใกล้กับเจดีย์โบตาทาว์นชาวพม่าตามตำนานเล่ากันมาว่ามีธิดาของพญานาค ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา รักษาศีล ไม่กินเนื้อสัตว์จนสิ้นชีวิตกลายเป็นนัตเทพแห่งความโชคดีชาวพม่าเคารพกราบไหว้และอธิฐานขอพรมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว

ก่อนกลับประเทศไทยแวะนมัสการที่ วัดหินขาว พระหินอ่อน สร้างมาจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ สูง 37 ฟุต กว้าง 24 ฟุต หนักประมาณ 600 ตัน พระพุทธรูปประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรม สารีริกาธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศสิงคโปร์ ชาวพม่าเคารพและศรัทธา และเชื่อกันว่าถ้าอธิษฐานขอพรที่วัดแห่งนี้จะประสบผลสำเร็จในชีวิต

เห็นไหมคะไหว้พระในวันเดียวก็ได้ค่ะสายบุญอย่างเราคงอิ่มบุญกันแล้วนะคะสถานีต่อไปเราก็กลับกรุงเทพแล้วนะคะ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยค่ะ และหวังว่าเราจะเจอกันอีกนะคะดูรายละเอียดที่นี่

กระบี่ มีเกาะสวยงามมากมายให้ทุกท่านได้เที่ยวชมเราจะพาทุกท่านไปเที่ยว หมู่เกาะปอดะ ซึ่งมีความสวยงามมาก ขอต้อนรับสู่ จังหวัดกระบี่

หมู่เกาะปอดะอยู่ไม่ไกลจากอ่าวนางเท่าไหร่ ดังนั้นเราจึงสามารถเหมาเรือหางยาวไปหมู่เกาะปอดะได้สบายมาก เมื่อเรามาถึงสิ่งแรกที่เราจะเห็นคือ หาดทรายสีขาวละเอียด น้ำทะเลที่ใสสะอาด และความเงียบสงบ ด้วยความที่ เกาะปอดะเป็นเกาะที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา ทำให้ผู้คนไม่พลุกพล่าน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาที่เกาะต้องเสียค่าเข้าเล็กน้อย

เมื่อเราเล่นน้ำจนพอใจเราจึงเดินทางไปที่เกาะต่อไปนั่นคือ เกาะไก่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ของกระบี่ที่ นักท่องเที่ยวรู้จักและนิยมมาเที่ยว ที่เกาะไก่ มีปรากฏการณ์หนึ่งที่น้ำทะเลจะลดลงจนเห็นหาดทรายสีขาวสวยงาม เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ทะเลแหวก ซึ่งเมื่อทะเลแหวกเราสามารถเดินข้ามไปยัง เกาะทับ และ เกาะหม้อ ที่อยู่ใกล้ๆกับเกาะไก่ ที่เกาะไก่เราสามารถ ที่จะดำน้ำแบบตื้นได้อย่างสบาย

เมื่อเราเที่ยว 4 เกาะอย่างจุใจแล้วเราจึงเดินทางไป เกาะห้อง โดยนั่งเรือ Speed Boat เราไปนั่งเรือที่อ่าวนางเพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะห้อง ในเมื่อเราไปเกาะห้องเราต้องมีไกด์ เพื่อให้เขานำทางให้กับเรานั่นเอง เมื่อเราขึ้นเราจะเจอกับไกด์ ที่คอยให้คำแนะนำ เมื่อไปถึงเราจะเห็นน้ำทะเลใสสีเขียวสวยงาม ท่านสามารถดำน้ำชมปลาสวยงามได้หลากหลาย

เมื่อเรามาถึงเกาะห้อง เราจะต้องไปต่อที่ เกาะลาดิง(เกาะเหลาดิง) เป็นเกาะที่เราจะรับประทานอาหารกลางวัน และเล่นน้ำ เกาะลาดิงอยู่บริใกล้กับเกาะห้อง อยู่บริเวณเดียวกัน มีความสวยงามไม่แพ้กัน เกาะลาดิงมีความอุดมสมบูรณ์ด้วย ต้นไม้ใหญ่ และภูเขาหินปูน

มีปลาสลิดหินลายเสือเป็นจำนวนมากแหวกว่ายอยู่ในน้ำให้เราได้ชมความน่ารัก ความสวยงาม บรรยากาศสดชื่น ร่มรื่น สบายมาก

ต่อมาเราเดินทางมาทางทิศเหนือเพื่อไป เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีรูปร่างสามเหลี่ยมแบบวงกลม เกาะผักเบี้ย เวลาน้ำขึ้นน้ำทะเลจะดูใสอมเขียว เหมากับการลงไปเล่นน้ำมาก แต่พอน้ำลงเราจะเห็นโขดหินใต้น้ำ การลงเล่นน้ำจึงต้องระวังเป็นพิเศษไม่ควรเล่นใกล้โขดหินอาจเกิดอันตรายได้ เส้นทรายเชื่อมเกาะผักเบี้ย สามารถเดินไปอีกเกาะหนึ่งได้เวลาน้ำลด เราจะรู้ได้อย่างไรว่านี้คือ เกาะผักเบี้ย สัญลักษณ์ของเกาะคือ อุโมงค์หิน

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากันหลายคน แล้วต้องการเที่ยวแบบส่วนตัว สามารถเหมาเรือหางยาว สหกรณ์เรือหางยาว อ่าวนาง ได้เลย

ใครที่กำลังคิดหาที่เที่ยวเราขอเเนะนำ กระบี่ หาดทรายที่ กระบี่ขาวละเอียดน้ำทะเล ใสเขียวทะเลที่ กระบี่สวยงามมาก อยากให้ทุกคนลองมาเที่ยวกระบีกัน มาเที่ยว กระบี่กันเยอะๆนะคะ

สนใจโปรแกรมกระบี่เจาะลึกดูรายละเอียดที่นี่